Details

Category: สำนักนายกฯ

Published: Friday, 10 March 2017 20:55

Hits: 4823

สมคิด` ยันรัฐฯ ไม่ได้ถังแตก -ไม่มีแนวคิดขึ้น VAT มองศก.อยู่ในช่วงฟื้นตัว ยังไม่ใช่เวลาขึ้นภาษี

    'สมคิด'ยันรัฐบาลไม่ได้ถังแตก หลังหนี้สาธารณะต่อจีดีพีต่ำถึง 44% ยังมีช่องว่างในการก่อหนี้ได้อีกเยอะ ชี้ไม่มีแนวคิดขึ้น VAT มองศก.อยู่ในช่วงฟื้นตัว ยังไม่ใช่เวลาขึ้นภาษี แต่เชื่อการปฏิรูปภาษีต้องเกิดขึ้นแน่ แต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม พร้อมสั่งรวบรวมปัญหาการลงทุนของไทย เสนอ ป.ย.ป. ก่อนธนาคารโลกจัดเรตติ้งความยากง่ายในการลงทุนในเดือน พ.ค.นี้

       นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม การรายงานผลการดำเนินการตามแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อม ถึงกระแสข่าวตามโลกออนไลน์ที่ออกมาระบุว่า นายกรัฐมาตรีจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 1% นั้น จากที่ได้พูดคุยกับนายกฯ แล้วเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่สิ่งที่ท่านพูดคือ ท่านเปรียบเทียบว่า การขึ้น VAT 1% จะมีรายได้เข้ารัฐเท่าไหร่ และเพื่อให้คนไทยมีความรู้สึกรับผิดชอบ ว่าหากจะดำเนินการจะทำอะไรก็ต้องมีการเสียสละบ้าง แต่ ณ เวลานี้ ตน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังไม่มีแนวคิดว่าจะขึ้นแน่นอน เพราะเศรษฐกิจเวลานี้อยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ดังนั้นจึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม จะต้องรอให้เศรษฐกิจแข็งแรงกว่านี้ ขณะเดียวกันในปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นภาษีดังกล่าว เพราะปัจจุบันอัตราหนี้ต่อจีดีพียังอยู่ในระดับต่ำที่ 44% ดังนั้นยังมีช่องว่างในการก่อหนี้อีกมาก

       “จู่ๆมีข่าวออกมา แล้วเป็นข่าวฮือฮาไม่ได้เป็นผลดีต่อใคร มันลำบากนะ พยายามทำงาน มีข่าวดีหลายวัน มาตอนนี้ ดันมีข่าวนี้สอดมา มีข่าวยุบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่มันไม่ใช่เขายุบบางกอง เพื่อไปรวมกองใหญ่ ทำไม ไม่พูดให้จบ มีข่าวโผล่มา เราต้อง หูหนักๆ เรากำลังอยู่ในช่วงที่อยากทำอะไรให้ดีร่วมกัน นอกจากนียืนยันว่า เราไม่ได้ถังแตกแน่นอน เรามีช่องว่างในการก่อหนี้เยอะ อย่างญี่ปุ่น สหรัฐ หนี้ต่อจีพีดี 100% กว่า เรารู้ว่ายังไม่ใช่เวลา อย่างการทำพีพีพี ก็เพราะเราต้องการให้เอกชนเข้ามาร่วม ไม่ใช่อะไรเอกชนก็จะมาจ่าย อย่างปฏิรูปภาษีมันมีทั้งภาษีทางตรง และทางอ้อม แต่ก็ต้องทำในเวลาที่เหมาะสม เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็ต้องทำ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ภาษี VAT มันคือภาษีทางอ้อม คนรวยคนจนเสียเท่ากัน ถ้าอยู่ๆเพิ่ม แสดงว่า เราต้องมีวิธีการช่วยคนจนพอสมควร และเศรษฐกิจตอนนี้ เพิ่งฟื้นตัว ยังไม่ใช่เวลาที่จะกระชากลง เรา ทำอะไรคลังรอบคอบอยู่แล้ว ฟังเสียงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  อย่าฟังคนอื่น โดยเฉพาะจากโซเชียล”นายสมคิด กล่าว

      สำหรับ การประกอบธุรกิจในประเทศไทยของธนาคารโลก (Doing Bussiness) ได้สั่งการให้คณะทำงานดังกล่าว เร่งรวบรวมปัญหา และข้อเสนอแนะต่างๆที่เกี่ยวกับการลงทุน เศรษฐกิจ การประกอบธุรกิจ ที่ดำเนินการแล้วยังมีข้อติดขัดนั้น ให้นำเสนอให้คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. หรือหากมีความจำเป็นเร่งด่วนให้เสนอกับคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์แห่งชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. พิจารณา โดยยืนยันว่าทุกปัญหาจะต้องได้รับการแก้ไขให้แล้วเสร็จก่อนเดือนพฤษภาคมนี้ เนื่องจากธนาคารโลกจะส่งคณะกรรมการมาประเมิน

     “เรามุ่งมั่นมาก เราต้องการให้เวิลด์แบงก์ รู้ตลอดว่า เราทำอะไร ไม่ใช่เราทำแล้วเขาไม่รู้ นอกจากนี้คนที่จะไปรายงานธนาคารโลกก็จะต้องไปรายงานให้ดีด้วย ถ้าพูดไม่ดีจะจดชื่อไว้ ผมเชื่อว่าเมืองไทยขณะนี้อันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจจะดีหรือไม่นั้น เรามองว่า ไม่สำคัญ เพราะเราเชื่อว่านักลงทุนจะเข้ามาแน่นอนในเวลานี้ อะไรที่ติดค้างมีปัญหา กฎหมายที่ต้องแก้ ก็โยน ป.ย.ป.ไปเลย เพื่อให้รวดเร็วตามเวลา”นายสมคิด กล่าว

  สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย